Archive for 2011

ทำยังไง? ถ้า Uninstall/Remove Kaspersky Antivirus 2012 ไม่ได้

Thursday, December 22nd, 2011

หากเพื่อนๆติดตั้งโปรแกรมKaspersky Antivirus 2012 ลงไปในเครื่องแล้ว ทำให้เครื่องอืด เครื่องช้า หรือไม่ชอบ แล้วต้องการจะ Remove หรือ Uninstall ออก ต่อไปนี้จะเป็นวิธี Uninstall/Remove โปรแกรม Kaspersky Antivirus 2012 ออกจากเครื่องด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. ให้ไปคลิกขวาที่ไอคอนรูปตัว K ที่แถบ Task bar (ที่อยู่มุมล่างขวาของหน้าจอ) แล้วเลือกเมนู Exit ตัวอย่าง ดังรูป

Exit Kaspersky Antivirus 2012

2. เมื่อจบการทำงาน ปิดโปรแกรม Kaspersky Antivirus 2012 ออกไปแล้ว ให้ไปที่เมนู Start > All Programs > เลือก Kaspersky Anti-Virus 2012 > เลือก Remove Kaspersky Anti-Virus 2012 ตัวอย่าง ดังรูป

Remove Kaspersky Anti-Virus 2012

3. จากนั้นจะมีหน้าต่าง Remove Kaspersky Anti-Virus 2012 Wizard ขึ้นมา ให้กดปุ่ม Next ต่อจากนั้นจะมี ตัวเลือกให้เลือกสำหรับ Uninstall Kaspersky Anti-Virus 2012 ดังนี้
3.1 Complete uninstall เป็นตัวเลือกสำหรับลบโปรแกรม Kaspersky Anti-Virus 2012 ออกจากเครื่องให้สะอาดหมดจด ถ้าหากไม่ต้องการที่จะใช้โปรแกรม Kaspersky Anti-Virus 2012 อีก ก็ให้เลือกตัวเลือกนี้
3.2 Save application objects เป็นตัวเลือกที่ลบโปรแกรมKaspersky Anti-Virus 2012 ออกจากเครื่อง แต่ไม่ทั้งหมด ซึ่งบางส่วนที่ให้เราสามารถเลือกเก็บไว้ได้ (ตัวเลือกนี้ เหมาะสำหรับคนที่จะอัพเดทเวอร์ชั่นของKaspersky Anti-Virus 2012 ในอนาคต) ซึ่งมีดังนี้

* Activation data – ติ๊กเลือกเพื่อเก็บข้อมูลการ Activate การใช้งาน
* Backup and Quarantine files – ติ๊กเพื่อเก็บพวกไฟล์ที่โปรแกรมตรวจสอบพบว่าเป็นไวรัส
* Operational settings of the application – ติ๊กเพื่อเก็บการตั้งค่าการใช้งานต่างๆของโปรแกรม
* iChecker data – ติ๊กเพื่อให้เร่งการทำงานของโปรแกรม

4. เมื่อเลือกตัวเลือกสำหรับ Remove ได้แล้ว ให้กดปุ่ม Next โปรแกรมก็จะทำการลบไฟล์ ลบอ๊อปเจ็กต์ต่างๆ รวมไปถึงค่าใน Registry Windows ออกไปด้วย และให้รอ จนกระทั่งมีหน้าต่างไดอะล๊อกซ์ปรากฏขึ้นมา เพื่อยืนยันการรีสตาร์ทเครื่อง ให้กดปุ่ม Yes เพื่อรีสตาร์ทเครื่อง และให้การ Uninstall/Remove Kaspersky Anti-Virus 2012 เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งตัวอย่างขั้นตอนของการ Remove Kaspersky Anti-Virus 2012 Wizard เป็น ดังรูป

Remove Kaspersky Anti-Virus 2012 Wizard

เพียงเท่านี้ก็สามารถ Uninstall/Remove โปรแกรม Kaspersky Antivirus 2012 ออกจากเครื่องได้แล้วหล่ะครับ 😀

วิธีลบ Privacy Protection โปรแกรมกำจัดไวรัสปลอม

Thursday, December 15th, 2011

โปรแกรมPrivacy Protection โปรแกรมกำจัดไวรัสปลอม

privacy-protection

privacy protection main program

เกริ่นโปรแกรมPrivacy Protection และการทำงานของมัน
โปรแกรมPrivacy Protection เป็นหนึ่งในหลายๆโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้ผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ต้องตกเป็นเหยื่อ โดยที่ไม่อาจรู้ตัว ทั้งนี้ก็เพราะโปรแกรมPrivacy Protection มันเป็นโปรแกรมลบไวรัสปลอม โปรแกรมกำจัดไวรัสปลอม ไม่สามารถลบไวรัส ลบสปายแวร์ หรือโทรจันได้จริงๆ ซึ่งหลังจากที่โปรแกรมPrivacy Protection ถูกติดตั้งลงเครื่องใครก็แล้วแต่ มันตั้งให้ตัวเองรันทำงานอัตโนมัติทุกครั้งเมื่อเปิดเครื่อง ทำให้เครื่องจากนั้นก็จะหลอกผู้ใช้งานโดยสร้างข้อความเกี่ยวกับความปลอดภัยเด้งขึ้นมา หรือเป็น Ballon Tool tip ขึ้นมาคล้ายๆกับของวินโดวส์ เช่น

iexplore.exe can not start
File iexplore.exe is infected by W32/Blaster.worm
Please activate Malware Protection to protect your computer.

Firewall Warning
Hidden file transfers to remote host has been detected

Security Warning
Malicious program has been detected.
Click here to protect your computer.

เป็นต้น และเมื่อหยื่อคลิกที่ข้อความนั้นๆ มันก็สแกนหาไวรัส(ไวรัสปลอมที่โปรแกรมPrivacy Protection สร้างขึ้นมาเอง) หากเหยื่อจะลบไวรัสปลอมที่ตรวจเจอ จะไม่สามารถลบออกได้ แล้วโปรแกรมPrivacy Protection ก็จะส่งเหยื่อไปยังหน้าจ่ายเงิน เพื่อซื้อโปรแกรมPrivacy Protection เวอร์ชั่นเต็ม

โฟลเดอร์ตำแหน่งที่อยู่และค่าที่ฝังในรีจีสทรีของโปรแกรมPrivacy Protection
โฟลเดอร์ตำแหน่งที่อยู่ในเครื่อง
%AppData%privacy.exe
%UserProfile%Start MenuPrivacy Protection.lnk

ค่าที่ฝังรีจีสทรีวินโดวส์
HKEY_CURRENT_USERSoftware
HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionRun “Privacy Protection”

วิธีลบPrivacy Protection
สำหรับวิธีลบPrivacy Protection นั้น สามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. ให้รีสตาร์ทเครื่อง ขณะที่หน้าจอดำๆ (ก่อนที่จะขึ้นโลโก้วินโดวส์) ให้กดปุ่ม F8 ที่บนคีย์บอร์ด จะปรากฏ windows advanced options menu ดังรูป

windows-boot-menu

windows advanced options menu

ให้เลื่อนลูกศรขึ้นลง แล้วเลือกที่เมนู Safe Mode with Networking แล้วกดปุ่ม Enter ที่คีย์บอร์ด

2. เมื่อเข้าสู้วินโดวส์โหมด Safe Mode with Networking ได้แล้ว ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมTDSSKiller จากนั้นแตกไฟล์ซิป และเปลี่ยนชื่อไฟล์จาก tdsskiller ไปเป็นชื่ออื่น เช่น myapp123 โดยการคลิกขวาที่ tdsskiller แล้วเลือก rename

3. จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ที่เปลี่ยนชื่อเป็น myapp123 แล้ว จะปรากฏหน้าจอ ดังรูป

TDSSKiller

หน้าจอโปรแกรมTDSSKiller

4. จากนั้นคลิก Start Scan เพื่อสแกนค้นหาและลบโทรจัน ที่มาของต้นตอโปรแกรมprivacy protection ซึ่งหากพบจะปรากฏหน้าจอ ดังรูป

TDSSKiller-Scan-Result

หน้าผลลัพธ์ที่สแกนด้วยโปรแกรมTDSSKiller

จากนั้นคลิกปุ่ม Continue เพื่อลบโทรจันที่ตรวจเจอ

5. แต่ถ้าหากไม่สามารถรันโปรแกรมTDSSKillerได้ ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมComboFixและดูวิธีใช้จากลิงก์นี้

6. จากนั้นให้ดาวน์โหลดโปรแกรมMalwareBytes Ant-Malware และดูวิธีใช้จากลิงก์นี้ เมื่อดาวน์โหลดโปรแกรมMalwareBytes Ant-Malware เสร็จแล้ว ให้ติดตั้งลงเครื่อง แล้วรันสแกนลบPrivacy Protection ได้เลย

หากเพื่อนๆที่เจอปีญหาโปรแกรมPrivacy Protection รบกวน ลองทำตามขั้นตอนวิธีลบPrivacy Protection ดังข้างต้น ซึ่งขั้นตอนวิธีอาจจะยาว และดูซับซ้อนนิดนึงนะครับ และหากสงสัย ติดปัญหา สามารถโพสต์สอบถามได้นะครับ 😀

รวมคีย์ด่วน Google Chrome keyboard shortcuts – ilovebrowser.com

Wednesday, September 28th, 2011

keyboard shortcuts หรือหลายๆคนอาจจะเรียกว่า คีย์ลัด คีย์ด่วน ช็อตคัตคีย์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่หลายๆโปรแกรมจะต้องมี ถือได้ว่าเป็นฟังก์ชั่นหรือคำสั่งที่ช่วยให้การใช้งานโปรแกรมต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย เช่นเดียวกัน Google Chrome ก็มี keyboard shortcuts ต่างๆที่ช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็วในการท่องเว็บ ท่องอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน และวันนี้ผมก็ได้นำมาไว้ที่นี่แล้ว ทั้งนี้ได้แยกเป็นหมวดหมู่การใช้งานต่างๆ ที่คิดว่าคงใช้กันบ่อยๆ ให้เพื่อนๆได้ลองนำไปใช้กันดู ดังต่อไปนี้

Google Chrome keyboard shortcuts สำหรับใช้บน Windows

shortcuts หมวด Tab และ Window

keyboard shortcuts ผลลัพธ์
Ctrl+N เปิดกูเกิ้ลโครมหน้าต่างใหม่
Ctrl+T เปิดแท๊บใหม่(กูเกิ้ลโครมหน้าต่างเดิม)
Ctrl+Shift+N กูเกิ้ลโครมหน้าต่างใหม่ในโหมด incognito(ส่วนตัว)
Ctrl+O เปิดไฟล์เว็บเพื่อเปิดในกูเกิ้ลโครม
กด Ctrl พร้อมคลิกลิงก์ หรือคลิกลิงก์ด้วย mousewheel เปิดหน้าลิงก์แท๊บใหม่แต่ให้อยู่เบื้องหลัง
Ctrl+Shift พร้อมคลิกลิงก์ หรือกด Shift พร้อมคลิกลิงก์ด้วย mousewheel เปิดหน้าลิงก์แท๊บใหม่ พร้อมกับแสดงแท๊บนั้นทันที
กด Shift พร้อมคลิกลิงก์ เปิดหน้าลิงก์ในกูเกิ้ลโครมหน้าต่างใหม่
Ctrl+Shift+T Reopens แท๊บที่เปิดไป ซึ่งGoogle Chrome ให้เปิดได้สูงสุด 10 แท๊บ
Ctrl+1 ถึง Ctrl+8 Switches เลือกแท๊บเรียงตามลำดับที่เปิดแท๊บ 1 – 8
Ctrl+9 Switches เลือกแท๊บลำดับสุดท้าย
Ctrl+Tab หรือ Ctrl+PgDown Switches เลือกแท๊บลำดับต่อไป
Ctrl+Shift+Tab หรือ Ctrl+PgUp Switches เลือกแท๊บลำดับก่อนหน้า
Alt+F4 ปิดหน้าต่างกูเกิ้ลโครมที่ใช้งานอยู่
Ctrl+W หรือ Ctrl+F4 ปิดแท๊บหรือป๊อบอัพที่ใช้อยู่
กด Backspace หรือ Alt พร้อมกดลูกศรซ้าย ย้อนกลับไปหน้าเว็บเพจที่เคยเปิดดูผ่านมา
กด Shift+Backspace หรือ Alt พร้อมกดลูกศรขวา ไปยังหน้าเว็บเพจถัดไป
Alt+Home เปิดหน้าโฮมเพจในหน้าต่างปัจจุบัน

Google Chrome shortcuts หมวดพิเศษ

keyboard shortcuts ผลลัพธ์
Alt+F หรือ Alt+E เรียกเมนูสำหรับตั้งค่ากูเกิ้ลโครม
Ctrl+Shift+B แสดงแถบบุ๊กมาร์ค
Ctrl+H เปิดหน้าต่างHistory เว็บที่เคยเปิดดู
Ctrl+J เปิดหน้าต่างดาวน์โหลดไฟล์
Shift+Esc เปิดหน้าต่าง Task Manager
F6 หรือ Shift+F6 Switches แถบเลือกไปที่ Address bar
Ctrl+Shift+J เปิดหน้าต่าง Developer Tools
Ctrl+Shift+Delete เปิดหน้าต่างสำหรับ Clear Browsing Data
F1 เปิดหน่าต่างศูนย์ช่วยเหลือการใช้งานของกูเกิ้ลโครม

shortcuts หมวด Address bar

keyboard shortcuts ผลลัพธ์
พิมพ์ข้อความ คีย์เวิร์ดใดๆในช่อง Address bar แล้วกด Enter. ค้นหาโดยใช้ default search engine
Ctrl+Enter ใส่ www. และ .com ก่อนหน้าและต่อท้าย URL
พิมพ์ URL แล้วกด Alt+Enter. เปิดเว็บตามลิงก์ URL ในลิงก์ใหม่(duplicate URL ในแท๊บใหม่)
Ctrl+L หรือ Alt+D Highlights แถบสีลิงก์ URL
กดลูกศรขึ้นลงที่ Address bar และกด Shift+Delete. ลบHistory ลิงก์ URL

shortcuts หมวด Webpage

keyboard shortcuts ผลลัพธ์
Ctrl+P พิมพ์หน้าเว็บเพจปัจจุบัน
Ctrl+S บันทึกหน้าเว็บเพจปัจจุบันลงเครื่อง
F5 หรือ Ctrl+R Reloads หน้าเว็บเพจปัจจุบัน
Esc หยุดการโหลดหน้าเว็บเพจปัจจุบัน
Ctrl+F แสดงแถบค้นหา
Ctrl+G หรือ F3 ค้นหาถัดไปตามคำค้นที่กรอกในช่องแถบค้นหา
Ctrl+Shift+G หรือ Shift+F3 หรือ Shift+Enter ค้นหาย้อนกลับตามคำค้นที่กรอกในช่องแถบค้นหา
Ctrl+F5 หรือ Shift+F5 Reloads หน้าเว็บเพจปัจจุบัน โดยไม่สนใจข้อมูลที่เก็บไว้ใน cache
กด Alt พร้อมคลิกลิงก์ ดาวน์โหลดไฟล์ตามลิงก์นั้นๆ
Ctrl+U วิวดู source code ของหน้าเว็บเพจนั้นๆ
Ctrl+D เก็บหน้าเว็บเพจปัจจุบันไว้ที่บุ๊กมาร์ค
Ctrl+Shift+D เก็บหน้าเว็บเพจที่เปิดอยู่ทั้งหมดไว้ที่บุ๊กมาร์ค โดยสร้างโฟลเดอร์ใหม่ด้วย
F11 เปิดหน้าต่างกูเกิ้ลโครมขยายเต็มจอ กด F11 อีกทีเพื่อยกเลิก
Ctrl และ + หรือกด Ctrl พร้อมเลื่อน mousewheel ขึ้น ซูมทุกอย่างในหน้าเว็บเพจปัจจุบันให้ใหญ่ขึ้น
Ctrl และ หรือกด Ctrl พร้อมเลื่อน mousewheel ลง ย่อทุกอย่างในหน้าเว็บเพจปัจจุบันให้เล็กลง
Ctrl+0(เลขศูนย์) กลับสู่โหมดแสดงผลปกติ(ไม่ซุม ไม่ย่อ)
Space bar เลื่อนหน้าเว็บเพจ
Home ไปส่วนบนของหน้าเว็บเพจ
End ไปส่วนล่างของหน้าเว็บเพจ

shortcuts หมวด Texts

keyboard shortcuts ผลลัพธ์
Ctrl+C คัดลอกข้อความ
Ctrl+V หรือ Shift+Insert วางข้อความที่คัดลอก
Ctrl+Shift+V วางข้อความที่คัดลอกโดยไม่เอารูปแบบ
Ctrl+X หรือ Shift+Delete ลบข้อความที่เลือก และคัดลอกไว้ใน clipboard

เป็นยังไงกันบ้างครับ มี keyboard shortcuts ตัวไหนบ้างที่เพื่อนๆเคยใน Google Chrome บ้าง ยังไงก็ลองนำ keyboard shortcuts ต่างๆ ข้างต้นเหล่านี้ ไปใช้ในการท่องเว็บ ท่องอินเตอร์เน็ตกันดูนะครับ 😀

แปลและคัดบางส่วนมาจาก : http://www.google.com/support/chrome/bin/static.py?page=guide.cs&guide=25799&topic=28650

FB Photo Zoom ปลั๊กอินGoogle Chrome ซูมรูปในFacebook – ilovebrowser.com

Tuesday, September 27th, 2011

จากที่ได้เกริ่น facebook และแนะนำปลั๊กอิน Firefox สำหรับซูมดูรูปภาพ ขยายดูรูปภาพใน facebook ไปแล้วในบทความ PhotoZoom ปลั๊กอิน Firefox ซูมรูปในFacebook วันนี้จะขอมาแนะนำปลั๊กอิน Google Chrome สำหรับซูมดูรูปภาพ ขยายดูรูปภาพใน facebook ด้วยเช่นกัน (เอาใจสาวก Google Chrome สักหน่อยนะ) ซึ่งปลั๊กอินตัวนี้ที่จะช่วยให้เราซูมดูรูป thumbnails (ไม่ว่าจะเป็นรูปในwall รูปprofile หรือรูปในphotos album) ได้ง่ายๆ เพียงแค่ปลายเม้าส์ชี้ ซึ่งปลั๊กอินที่ว่านี้ก็คือ ปลั๊กอินFB Photo Zoom

สำหรับการใช้งานปลั๊กอินFB Photo Zoom บนGoogle Chrome ก็ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากครับ ดังนี้

1. ให้ดาวน์โหลดและติดตั้งปลั๊กอินFB Photo Zoom จากนั้นให้ที่คลิกไอคอนรูปเครื่องมือประแจ > เลือกเมนู Tools > Extensions > FB Photo Zoom เพื่อตั้งค่าการใช้งานปลั๊กอินFB Photo Zoom ดังรูป

2. จากนั้นจะปรากฏแท๊บการตั้งค่าการใช้งานปลั๊กอินFB Photo Zoom ดังรูป

3. ถ้าเห็นเป็นดังรูปข้างต้น ให้คลิกที่เมนู Enable แต่มันเป็น Enable อยู่แล้ว มันจะเป็น ดังรูป

4. จากนั้น ให้คลิกที่เมนู Options เพื่อตั้งค่าการใช้งาน ปลั๊กอินFB Photo Zoom ได้เลย โดยให้คลิกที่แถบเมนู Advance Settings ดังรูป

5. ต่อมาตั้งค่าการใช้งานต่างๆ เช่น Key & Shortcut, Delay, Show Caption เป็นต้น เมื่อตั้งค่าต่างๆเรียบร้อยแล้วให้กปุ่ม Save เพื่อบันทึกการตั้งค่า

6. สุดท้าย ก็เข้าFacebook แล้วก็เอาเม้าส์Pointer(ตัวชี้เม้าส์) ไปไว้บนรูปในwall รูปprofile รูปในPhoto Albums ที่ต้องการซูม ได้เลย เพียงเท่านี้ก็จะมีหน้าต่างกรอบ รูปขยายใหญ่ขึ้นมาแล้วหล่ะครับ ดังรูปตัวอย่าง

ซูมดูรูปในหน้าWall ของ Facebook

ซูมดูรูปprofile ในหน้าWall ของ Facebook

ซูมดูรูปในหน้าprofile ของ Facebook

หากสนใจทดลองใช้ปลั๊กอินFB Photo Zoomนี้ ก็ลองไปที่หน้า ดาวน์โหลดและติดตั้งปลั๊กอินFB Photo Zoom เพื่อติดตั้งและใช้งานกันได้เล้ยยยยยครับ

หวังว่าสาวก Facebook และ Google Chrome ทั้งหลายคงจะชอบปลั๊กอินFB Photo Zoom ปลั๊กอินในเบราเซอร์ Google Chrome ที่ช่วยให้เราซูม ขยายดูรูปในFacebook กันนะครับ 😀

วิธีแก้ปัญหา Internet Explorer has stopped working – ilovebrowser.com

Tuesday, September 20th, 2011

ถ้าหากใช้โปรแกรม Internet Explorer เล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ดีๆ แล้ว IE มันแจ้ง Error Internet Explorer has stopped working. ตัวอย่าง ดังรูป

A Problem caused the program working correctly window will close the program and notify you a solution is available. แล้วก็เน็ตหลุดไปเลย ซึ่งจากปัญหาข้างต้นนี้ อาจจะมีหลากหลายสาเหตุที่อาจจะเกี่ยวข้อง วันนี้ผมจึงขอแนะนำวิธีแก้ปัญหา Internet Explorer has stopped working นี้มาฝากกัน ให้ลองนำไปใช้กันดูครับ

วิธีแก้ข้อที่ 1 Reset ค่า Settings ใน Internet Explorer ให้เป็นค่า default ทำได้โดย ปิด Internet Explorer แล้วไปที่ Start > Control Panel > Internet Options > จากนั้นคลิกที่แท๊บ Advanced > แล้วคลิกปุ่ม Reset > เมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกปุ่ม OK จากนั้นลองเปิด Internet Explorer ใหม่อีกครั้ง ตัวอย่าง ดังรูป

วิธีแก้ข้อที่ 2 Disable ปิดการทำงานของ Protection Mode ใน Internet Explorer ทำได้โดย ปิด Internet Explorer แล้วไปที่ Start > Control Panel > Internet Options > จากนั้นคลิกที่แท๊บ Security > จากนั้นติ๊กเครื่องหมายถูกออกหน้าข้อความ Enable Protection Mode > เมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกปุ่ม OK จากนั้นลองเปิด Internet Explorer ใหม่อีกครั้ง ตัวอย่าง ดังรูป

วิธีแก้ข้อที่ 3 ลบ Disable หรือ Uninstall พวก third party Add-ons ต่างๆออกให้หมด เช่น Skype Add-on ใน IE เป็นต้น

วิธีแก้ข้อที่ 4 เปลี่ยนไปใช้ Internet Explorer (โหมด No Add-ons) เพื่อปิดการทำงานของ Add-on ทั้งหมด จะช่วยให้การทำงานของ IE รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้น สามารถทำได้ โดย ปิด Internet Explorer แล้วไปที่ Start > คลิก All Programs > คลิก Accessories > คลิกที่ Systems Tools > จากนั้นคลิก Internet Explorer(No add-ons)

วิธีแก้ข้อที่ 5 ลบ หรือ Uninstall Toolbar ใน Internet Explorer ที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะ Toolbar บางตัวทำให้ IE แฮงค์ หรือหยุดทำงานได้

วิธีแก้ข้อที่ 6 ถ้าลองทั้ง 5 วิธีแล้วยังไม่ได้ ต้องลองติดตั้ง Internet Explorer ใหม่ๆ ซึ่งอาจจะ Re-install Internet Explorer เวอร์ชั่นที่ใช้อยู่เดิม หรือติดตั้ง Internet Explorer เวอร์ชั่นใหม่ๆ ดูนะครับ ทั้งนี้วิธีแก้ปัญหา Internet Explorer has stopped working ข้างต้น สามารถแก้ปัญหา internet explorer crash, IE crashing, internet explorer not responding ได้เช่นกันครับ หากเจอปัญหาเหล่านี้ ลองนำวิธีแก้ข้างต้นไปใชกันดูครับ

วิธีเช็ค .NET Framework ผ่าน IE เว็บเบราเซอร์ – ilovebrowser.com

Monday, September 19th, 2011

รู้หรือไม่ครับว่า Internet Explorer ตั้งแต่เวอร์ชั่น 7 หรือสูงกว่า สามารถเช็ค .NET Framework ที่ติดตั้งลงในเครื่องได้ โดยใช้คำสั่ง javascript เพื่อดึงข้อมูลจาก User Agent String ของ Internet Explorer นั่นเอง วิธีดังกล่าว สามารถทำได้ดังนี้

1. ให้เปิด Internet Explorer ขึ้นมา

2. จากนั้นให้พิมพ์คำสั่ง javascript ลงไปในช่อง Address bar ของ Internet Explorer ดังนี้

javascript:alert(navigator.userAgent)

ตัวอย่างดังรูป

3. เมื่อพิมพ์คำสั่ง javascript ในช่อง Address bar เรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม Enter ก็จะได้ผลลัพธ์ ดังรูป

จากรูปจะเห็นว่าในเครื่องได้ติดตั้ง .NET Framework เวอร์ชั่นต่างๆ ดังนี้

– .NET Framework เวอร์ชั่น 2.0(.NET CLR 2.0.50727)
– .NET Framework เวอร์ชั่น 3.0(NET CLR 3.0.30729)
– .NET Framework เวอร์ชั่น 3.5(.NET CLR 3.5.30729)
– .NET Framework เวอร์ชั่น4.0(.NET 4.0C)

เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราทราบแล้วหล่ะครับว่า ในเครื่องได้ติดตั้ง .NET Framework เวอร์ชั่นไหนไว้

วิธีค้นหา UserName/Password ใน Firefox!

Sunday, September 4th, 2011

หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้Firefox ในการท่องโลกอินเตอร์เน็ต และชอบให้Firefox จำรหัสผ่านในการเข้าเว็บ ซึ่งการทำแบบนั้นอาจจะทำให้ลืมรหัสผ่านที่จะเข้าเว็บนั้นๆ หรือไม่ก็อยากสืบค้นดูในเครื่องว่ามีใครล๊อกอินค้างไว้ในFirefox หรือไม่ วันนี้ผมมีวิธีที่จะแนะนำสำหรับค้นหา UserName/Password ใน Firefox และวิธีที่จะแนะนำก็คือ การใช้โปรแกรม PasswordFox

โปรแกรม PasswordFox
เป็นโปรแกรมฟรี password recovery tool สำหรับค้นหาUsername/Password ในFirefox สามารถดูpassword ได้ทั้งในcurrent profile และเลือกfirefox profile อื่นๆที่มีในเครื่องได้ โดยเมือรันโปรแกรมขึ้นมา มันจะแสดงคอลัมน์ข้อมูลที่ค้นหามา ได้แก่ Record Index, Web Site, User Name, Password, User Name Field, Password Field, และ Signons filename ตัวอย่าง ดังรูป

โปรแกรมPasswordFox สามารถใช้ได้บน Windows 2000, Windows XP, Windows Server 2003, Windows Vista และ Windows 7 ในเครื่องที่ติดตั้งใช้งาน Firefox

หากรันโปรแกรมขึ้นมาแล้วโปรแกรมAntivirus อาจจะฟ้องว่าโปรแกรมPasswordFox เป็นพวก Trojan/Virus แล้วหล่ะก็ไม่ต้องตกใจครับ ให้ Allow ยอมให้โปรแกรมทำงานไปเลยครับ ไม่มีอันตรายใดๆ

หากสนใจทดลองไปใช้กันดู สามารถ ดาวน์โหลดPasswordFox ได้เลย ฟรี! ไม่มีชาร์จ

ถ้าลองใช้โปรแกรมPasswordFox ค้นหา UserName/Password ใน Firefox แล้ว ติดปัญหาหรือจะแนะนำอะไร ก็อย่าลืมกลับมาfeedback ให้ทราบด้วยละกันนะครับ 😀

วิธีแก้ปัญหา Google Toolbar ใน Internet Explorer 9 – ilovebrowser.com

Thursday, August 25th, 2011

เดิมที หากเพื่อนๆใช้ Google Toolbar ที่ติดตั้งใน Internet Explorer 8 ไม่มีปัญหาใดๆ แต่พอมาอัพเกรดเป็น Internet Explorer 9 ทำให้ Google Toolbar หรือ IE9 มีปัญหา ค้าง หรือแฮงค์ วันนี้เลยมาแนะนำวิธีแก้ปัญหา Google Toolbar แฮงค์ ค้าง ใน Internet Explorer 9 ให้ใช้งานได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาใดๆ

วิธีแก้ปัญหา Google Toolbar แฮงค์ ค้าง ใน Internet Explorer 9 สามารถทำได้ดังนี้

วิธีที่ 1. Disable Google Toolbar หรือปิดการทำงาน Google Toolbar นั่นเองครับ ทำได้ดังนี้
1.1 ให้ไปที่เมนู Tools > Manage add-ons.
1.2 เลือกเมนู Toolbars and Extensions
1.3 ในส่วนของ Google Inc. ให้เลือก Google Toolbar ดังรูป

1.4 จากนั้นคลิกปุ่ม Disable ถ้ามีข้อความปรากฏขึ้นมา ให้กดปุ่ม Disable เพื่อยืนยันอีกครั้ง

วิธีที่ 2. Uninstall Google Toolbar หรือถอดถอนเอาโปรแกรม Google Toolbar ออกไป สามารถทำได้ดังนี้
2.1 ให้ไปที่ปุ่ม Start ของวินโดวส์
2.2 จากนั้นไปที่ Control Panel > คลิกที่ Programs > จากนั้นคลิกที่ Uninstall a Program > คลิกเลือก Google Toolbar ในลิสต์ > จากนั้นคลิกปุ่ม Uninstall ดังรูป

วิธีที่ 3. Install Google Toolbar เวอร์ชั่นใหม่ ทำได้ดังนี้
3.1 ให้คลิกที่ลิงค์ Install Google Toolbar
3.2 คลิกปุ่ม Accept and Download เพื่อติดตั้ง google toolbar ดังรูป

3.3 หลังจากติดตั้ง google toolbar แล้ว จะมีแถบบาร์ยืนยันให้เปิดใช้งานgoogle toolbar ให้คลิกปุ่ม Enable

วิธีที่ 4. Enable เปิดใช้งาน Google Toolbar ใน Internet Explorer 9 สามารถทำได้ดังนี้
4.1 ถ้าหากติดตั้ง google toolbar แล้วยังไม่สามารถใช้งานได้ ให้ไปที่เมนู Tools จากนั้นคลิกเมนู Manage Add-ons
4.2 ต่อมาให้คลิกเมนู Toolbars and Extensions แล้วเลือก Google Toolbar และคลิกปุ่ม Enable. หากมี add-on หรือ extensions อื่นๆ เช่น Google Toolbar Helper และ Google Side Bar ให้กดปุ่ม Enable ด้วย
4.3 ถ้าหากยังไม่สามารถใช้ได้ ให้คลิกที่แถบทูลบาร์ของ IE9 แล้วเลือกเมนู Google Toolbar ดังรูป

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ

ยังไงลองเอาวิธีแก้ปัญหา Google Toolbar แฮงค์ ค้าง ใน Internet Explorer 9 ไปใช้กันดูนะครับ 😀

ใส่สัญลักษณ์แปลกๆในข้อความทวีตบนทวีตเตอร์ – ilovebrowser.com

Tuesday, August 2nd, 2011

“หนึ่งสัญลักษณ์ แทนข้อความนับร้อยพันคำ” ประโยคนี้คงพอจะใช้ได้ สำหรับการที่เราจะโพสต์ข้อความ หรือทวีตข้อความ(tweets) ในทวิตเตอร์(twitter) เพื่อสื่อสารให้เพื่อนๆที่ follow ได้เข้าใจ เพราะทวีตเตอร์จำกัดการพิมพ์ตัวอักษร อักขระ ไว้สูงสุดแค่ 140 ตัวต่อการทวีต 1 ครั้ง ฉะนั้นการใช้สัญลักษณ์ในข้อความก็น่าจะช่วยให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น และสิ่งที่จะช่วยเราในบทความนี้ก็คือ เว็บแอพลิเคชั่น Twitter Symbols

เป็นเว็บที่ช่วยให้เราติดต่อกับเว็บTwitter และทวีตข้อความของเราเข้าเว็บTwitter รวมทั้งสามารถใส่สัญลักษณ์แปลกๆได้ด้วย ซึ่งวิธีการใช้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ดังนี้

1. เมื่อเข้าเว็บTwitter Symbols ตามลิงค์ข้างต้นแล้ว ให้กดปุ่ม Connect with Twitter ซึ่งอยู่มุมบนขวาขของหน้าจอ ดังรูป

จากนั้นจะมีหน้าจอให้ล๊อกอิน ให้ใส่ User/Password สำหรับล๊อกอินเข้าTwitter และกดปุ่ม Connect

2. เมื่อเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว ให้พิมพ์ข้อความที่ต้องการทวีตลงในช่อง Beautify your Tweets: ดังรูป

3. เลือกสัญลักษณ์แปลกๆที่ต้องการแทรกไปในข้อความที่จะทวีต ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น various, arrows, hands, stars, alphabetic characters, chess pieces, horoscope icons, patterns และ technical symbols, ตัวอย่างเช่น foreign currency. ตัวอย่างดังรูป

ในตัวอย่างผมเลือกสัญลักษณ์ อมยิ้ม ดังรูป

4. เมื่อคลิกที่ไอคอนรูปสัญลักษณ์ที่ต้องการแล้ว สัญลักษณ์นั้นๆ ก็จะไปปรากฏอยู่ในช่องข้อความที่จะทวีต ดังรูป

5. เมื่อพิมพ์ข้อความ และแทรกสัญลักษณ์ตามที่ต้องการแล้วก็กดปุ่ม Send ดังรูป

เป็นอันเรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็สามารถแทรกสัญลกษณ์ในโพสต์ข้อความ หรือทวีตข้อความ(tweets) ในทวิตเตอร์(twitter) ได้ง่ายๆแล้ว จากนั้นก็เช็คดูที่หน้า Home ของ Twitter หรือหน้า Profile ของเราได้เลยครับ 😀

วิธีตั้งค่า Tracking Protection ใน Internet Explorer 9 – ilovebrowser.com

Saturday, July 30th, 2011

สำหรับวิธีการตั้งค่า Tracking Protection ใน Internet Explorer 9 นี้ ก็เพื่อช่วยป้องกันการถูกติดตามจากพฤติกรรมการเล่นอินเตอร์เน็ตจากคุ๊กกี้(Cookies) และก็เป็นคุ๊กกี้จากผู้ให้บริการโษณาออนไลน์ค่ายต่างๆ ซึ่งบางคนอาจจะไม่สนใจ และบางคนอาจจะสนใจ เพราะห่วงเรื่องการคุกคามความเป็นส่วนตัว และสร้างความรำคาญจากการใช้งานอินเตอร์เน็ตด้วย ซึ่งวิธีการตั้งค่าและใช้งาน Tracking Protection ใน Internet Explorer 9 สามารถทำได้ดังนี้

1. ให้ไปที่เมนู Tools > Tracking Protection… หรือคลิกไอคอนวงกลมรูปเกียร์ ซึ่งอยู่มุมขวาของ IE แล้วคลิกที่เมนู Safety > Tracking Protection… จากนั้นจะปรากฏหน้าจอ Manage Addon และคลิกที่ Your Personalized List ดังรูป

2. จากนั้นคลิกปุ่ม Settings และจะปรากฏหน้าจอ Personalized Tracking Protection List ดังรูป

จากรูป จะมีตัวเลือกสำรับการตั้งค่า 2 ตัวเลือก ได้แก่
– Choose content to block or allow เป็นตัวเลือกโดยดีฟอลต์ ตัวเลือกนี้สามารถให้เราเลือกตั้งค่าที่จะบล็อคการติดตามจากคุ๊กกี้ของผู้ให้บริการโษณาออนไลน์แบบกำหนดได้เอง ทั้งนี้สามารถกดปุ่ม Shift เพื่อเลือกหลายๆตัวได้ ซึ่งเมื่อเลือกได้แล้วก็กดปุ่ม Block หรือกดปุ่ม Allow เพื่อยกเลิกการบล็อค
– Automatically block เป็นตัวเลือกบล็อคการติดตามจากคุ๊กกี้ของผู้ให้บริการโษณาออนไลน์แบบอัตโนมัติ

3. เมื่อเลือกตัวเลือก และตั้งค่าต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม OK จะกลับไปที่หน้าจอManage Addon ให้คลิกที่เมนู Your Personalized List แล้วกดปุ่ม Enable เพื่อเปิดการ Tracking Protection

เพียงเท่านี้ก็จะช่วยป้องกันการถูกติดตามจากพฤติกรรมการเล่นอินเตอร์เน็ตจากคุ๊กกี้(Cookies) จากผู้ให้บริการโษณาออนไลน์ค่ายต่างๆ และไม่ต้องห่วงเรื่องการคุกคามความเป็นส่วนตัว และสร้างความรำคาญจากการใช้งานอินเตอร์เน็ตแล้วหล่ะครับ

About Me

เว็บ ilovebrowser.com(i♥b) ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งข้อมูล แหล่งเรียนรู้ วิธีการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ วิธีแก้ไขปัญหาเว็บเบราว์เซอร์ แนะนำทิป ทริก เทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวกับเว็บเบราว์เซอร์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer,Firefox,Chrome,Opera,Safari,Maxthon และเว็บเบราว์เซอร์อื่นๆ More

Want to subscribe?

Subscribe in a reader